
Creative Economy(เศรษฐกิจสร้างสรรค์)
ได้กลับมาเขียนอีกครั้งก็ท้ายปีพอดีหลังจากห่างหายไปนาน กับการเผชิญวิกฤติจนสมองแถบปริ แต่มีข่าวดีที่หลายๆคนพูดถึงให้ชื่นใจกับ โครงการภาครัฐกับ Creative Economy การใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งผมเห็นดีด้วย เพราะเห็นจากวิกฤติที่ถาโถมไปทั่วโลกในขณะนี้ กับการแข่งขันโดยการเพิ่มผลผลิตจาก เครื่องจักร ทุน ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาถึงจุดที่ ใครๆ ก็สามารถผลิตสินค้าให้มีคุณภาพที่ดีเท่าเทียมกันในจำนวนมากและราคาที่ต่ำไม่ได้คำนึงถึงความซับซ้อนในความต้องการของตลาด ซึ่งส่งผลกระทบกับผู้ผลิตเอง ไม่ว่าจะทำให้ขายสินค้าได้น้อยลง ผู้บริโภคไม่มีความต้องการสินค้าในรูปแบบเดิมๆ การต่อรองคุณภาพสินค้าหรือเปรียบเทียบเรื่องราคา เป็นปัญหาของผู้ผลิตทั้วโลกที่เห็นได้ในปัจจุบัน
การมาของโครงการ Creative Economy เป็นรูปแบบกลไกต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ในอนาคตเงินทุนและเทคโนโลยี ไม่ได้เป็นปัจจัยขาดแคลนอีกต่อไป แต่เป็นกระบวนการสร้างมูลค่าต่างหากที่จะทำให้คนอื่นมามองสินค้าและบริการของแบรนด์หรือประเทศว่ามีความคิดสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งเมื่อคนซื้อมองอย่างนั้น ราคาก็จะมีความสำคัญรองลงมา ในการสร้างสรรค์สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปฎิสัมพันธ์ในการสื่อสารมูลค่าระหว่างสินค้า บริการ กับตัวผู้ซื้อ ให้มีความเชื่อ สร้างคุณค่าต่อความคาดหวังของเขาให้ได้ และด้วยการสื่อสารที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งส่งผลให้ผู้ซื้อมีช่องทางในการมองหาสิ่งใหม่ที่ก้าวล้ำไปจากการใช้งานปกติทั้งในด้านของความสวยงามและการตอบสนองความต้องการสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมากขึ้น จากตรงนี้ผมกลับมาคิด ประเทศเราสร้างสรรค์ได้อย่างนั่นจริงเหรอ ลองมองไปรอบๆตัว กระแสเกาหลี ญึ่ปุ่น อังกฤษเอย มีผลต่อคนไทยมาก แต่ตัวเราเองล่ะ
ผมได้มีโอกาสร่วมสนทนากับหลายๆท่าน หลายคนบอกว่าเมืองไทยเรายังมี “นักคิด” (Thinker) ที่ดี แต่ยังขาดการสนับสนุน แต่จากนี้ละ นโยบายที่ถูกกำหนดด้วยรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น โครงการ Creative City, OKMD Creative Awards, หลักสูตรผู้บริหารด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Executive), สร้างสรรค์สัญจร (Creative Mobile), Website Creative Economy กิจกรรมเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างพื้นที่ได้จริงหรือไม่ จะสามารถกระตุ้นและส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้ความคิดสร้างสรรค์ และทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมมากแค่ไหนพวกเราท่านๆ ต้องติดตามกันต่อไป....สุขสันต์ปีใหม่ครับ