
BIG Design Week 2009 @ Zen
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาออฟฟิตผมวุ่นวายมาก กับการทำงาน(ด่วนจี๋) ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งระยะเวลาและเนื้องานตามที่ลูกค้าต้องการ ผมมองอย่างเข้าใจว่า สภาวะปัจจุบัน การคิดทำอะไรที่ต้องใช้เงินทุกคนค่อนข้างจะ รัดเข็มขัด แผนที่วางไว้ก็มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา การทำงานโดนตัดทอน ไอเดีย และระยะเวลา โดยมีงบเป็นตัวกำหนด ซึ่งพวกผมก็พร้อมและยังคงตั้งใจทำงานออกมาอย่างเต็มที่ แม้เป็นช่วงเวลาการทำงานที่ค่อนข้างวุ่นวาย แต่การเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ผมและทีมงานยังคงจัดสรรเวลา พยายามพากันออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก และอัพเดตสมองตัวเองอยู่บ้าง เพราะการทำงานของเราจะมานั่งโต๊ะอย่างเดียวคงไม่ได้ งานที่พวกเราไปเค้าจัดกันเป็นปีที่ 2 แล้วคืองาน BIG Design Week 2009 @ Zen(DEP เป็นผู้จัดและถือว่าครั้งนี้เป็นการยกระดับการจัดงานเลยทีเดียวเพราะปีที่แล้วจัดที่ กรมส่งเสริมฯ รัชดาโน้นแนะ) กิจกรรมที่เราไปร่วมมี 2 กิจกรรมด้วยกันคือ Brand Focus และ เสวนา “Design as a Creative Business”
กิจกรรมแรก Brand Focus ถ้าดูจาก Speaker แล้วชวนให้ไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ดลชัย, แดน ศรมณี, ศิริกุล เลากัยกุล, ณัทธร รักษ์ชนะ, จิรพรรณ กิตติศศิกุลธร ที่นำประสบการณ์ต่างๆ มาบอกเล่าให้ฟัง (อาจขายของบ้างนิดหน่อย^_^) โดยมีไอเดียใหม่ๆ จาก Case Studyมากมายพอดู ไม่ว่าจะเป็น Lotto Italyที่พยายามให้ประชาชนชาวอิตาลีออกไปซื้อล็อกเตอรี่ที่ยอดสะสมจากการที่ไม่ใครถูกเพราะไม่มีคนซื้อ แต่มียอดสะสมที่มีจำนวนเพิ่มมากขี้นเรื่อยๆ โดยใช้กลยุทธการแจกถุงขยะที่ออกแบบให้เป็นถุงใส่เงินมีโลโก้ $ อยู่ด้านข้าง ฝากกับคนส่งหนังสือพิมพ์ไปแจกตามบ้าน ด้วยความเป็นถุงขยะฟรี ทุกคนก็นำมาใช้ พอนำถุงมาทิ้งไว้เพื่อรอรถขยะมาเก็บ อยู่หน้าบ้านทุกบ้าน ถุงขยะจำนวนมากก็จะกลายเป็นถุงเงิน(ถุงขยะนั้นแหละครับ)เรียงรายตามถนนเต็มไปหมด ไม่พอยังอัดโฆษณาตามเพื่อคลายปริศนาว่าตอนนี้ยอดเงินของ Lotto ที่สะสมมีจำนวนมากช่วยมาเอาไปหน่อย ซึ่งเป็นนำเรื่องราวมาเชื่อมโยงกับ Brand, Ambient กับการใช้งบประมาณที่สร้างสรรค์พร้อมกลยุทธ์ที่ impact อย่างมาก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังไม่พอ ผมยังรู้สึกประทับใจกับเรื่อง Brand Experience ที่นำประสบการณ์การสร้าง Brand Sansiri มาถ่ายทอด เริ่มจากการประกาศตัวเป็นคู่แข่งตัวยงของ Land & House จน ณ วันนี้ผ่านมากว่า 6 ปีดูหมือน Sansiri จะทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เท่าที่ฟังมาก็กำศึกหนักอยู่เหมือนกันกว่าจะมีวันนี้ ถ้าดูจากการเสวนา ณ ตอนนั้น คงเหมือนว่าเจ้าของ Brand กับ Brand Builder จะมีความคิดขัดแย้งกันอยู่เยอะเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ มันตรงกับการทำงานของผมที่ประสบพบเจออยู่บ่อยๆ เป็นการทำงานที่อาจมีความคิดไม่ตรงกันบ้าง แต่ถ้าเรายอมรับเหตุผลของกันและกันเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ Brand ผมว่าเป็นส่วนที่ดีมากที่จะทำให้งานออกมามีคุณภาพตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ ทั้งยังเป็นการมองแบบ 360 องศา บอกถึง ความจริงใจ ความเชื่อมั่น ที่กล้าพูดตรงๆ กล้าcomment ซึ่งกันและกัน รวมกันเป็นความเข้าใจ เชื่อใจ ช่วยในการทำงานร่วมกันในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำ ideas สามารถ implement ได้
ส่วนกิจกรรมที่ 2 “Design as a Creative Business” ว่าด้วยการ Forecast ตลาดงานดีไซน์จาก นายกสมาคมต่างๆที่เกี่ยวกับงานดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าตกแต่งบ้าน ของเล่น ของขวัญของชำรวย ร่วมถึงการให้ข้อมูล เทรนด์ต่างๆในอนาคต ที่จะใช้พัฒนาศักยภาพธุรกิจดีไซน์ของบ้านเรา หลังจากจบงานนี้ ผมและทีมงานก็ได้ข้อคิดต่างๆมากมายมาขบคิดกันต่อที่ออฟฟิตพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อไป T-T สู้ๆ เพื่อเทศกาลสงกรานต์ที่มาถึง